ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542 - 2562 (ตอนที่ 2)

สวัสดีค่ะ เราก็เดินทางมาถึงตอนที่ 2 ของการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542 - 2562 กันแล้วนะคะ เรื่องที่เราจะนำเสนอในตอนที่ 2 นี้ คือ ด้านสังคม วัฒนธรรม และประเพณี  และด้านศาสนาและความเชื่อ ขอเชิญให้ทุกคนได้รับความรู้ไปด้วยกันเลยค่าาาา 😇

ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542 - 2562 





3.ด้านสังคม วัฒนธรรม และประเพณี
การทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ เรื่องชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542-2562 ที่ศึกษาด้านสังคม วัฒนธรรม และประเพณี นั้นผู้จัดทำได้สืบค้นข้อมูลมาแล้ว ได้ข้อมูลจากหนังสิอ 2 เล่ม, งานวิจัย 1 งาน และบทความ 1 บทความ ดังนี้

หนังสือของ บุหลัน รันตี (2553) เรื่อง กะเหรี่ยง ผู้พิทักษ์หัวเมืองตะวันตก ศึกษาเกี่ยวกับสังคมของกะเหรี่ยงที่เป็น ชาติพันธุ์คนชายขอบ การประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่ชาวกะเหรี่ยงเชื่อกัน อีกทั้งยังเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีของชาวกะเหรี่ยง ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา รวมไปถึงเรื่องราวของกะเหรี่ยงจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวของปาเกอะญอ และโพล่วงที่มีสำนึกทางสังคม ภาษา ลักษณะเชื้อชาติ ความเชื่อ พฤติกรรมทางสังคมและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ที่คล้ายคลึงกัน เป็นกระเหรี่ยงพื้นราบอยู่ติดที่มานานร่วม 200 ปี ทำหน้าที่เป็นชาวด่านดูแลปกป้องผืนแผ่นดินไทย ถึงแม้กะเหรี่ยงจะเป็นคนชายขอบ แต่ก็เป็นหนึ่งในพลเมืองของประเทศไทย เช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ พวกเขาเป็นกลุ่มชนแห่งมนุษยชาติที่รักสงบ สมถะ เรียบง่าย และสันโดษ ตามชื่อที่ซ่อนอยู่ในความหมายของชาเผ่าปาเกอะญอและโพล่วงแห่งชายแดนตะวันตก




หนังสือของ สมัย สุทธิธรรม (2542) เรื่อง สารคดีชีวิตของชนกลุ่มน้อยบนดอยสูง กะเหรี่ยง เป็นหนังสือสารคดีเกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ที่ชาวกะเหรี่ยงปฏิบัติสืบต่อกันมา  ซึ่งสังคมชีวิตภายในครอบครัวกะเหรี่ยงนั้นเป็นระบบครอบครัวเดียวอยู่กันแค่พ่อ-แม่-ลูก เท่านั้น หรือหากมีญาติพี่น้อง เช่นตา ยาย ก็จะเป็นญาติทางฝ่ายมารดาเท่านั้น โดยผู้หญิงจะเป็นใหญ่ในบ้าน การตัดสินใจเกี่ยวกับพิธีกรรมเป็นเรื่องของผู้หญิงเช่นกัน ผู้ชายเป็นหลักเป็นเรี่ยวแรงในการทำมาหากินและสร้างบ้าน แต่ผู้หญิงจะเป็นเจ้าของและมีอำนาจมากกว่า และด้วยความเชื่อและนับถือในเรื่องผีและวิญญาณ ชาวกะเหรี่ยงจึงมีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงผีอยู่เสมอ นอกจากการนับถือผีแล้วชาวกะเหรี่ยงยังนับถือคริสต์ศาสนาและพุทธศาสนาด้วย ซึ่งก่อให้เกิดเป็นประเพณีและวัฒนธรรมในเผ่าขึ้น เช่น ประเพณีปีใหม่ ประเพณีขึ้นบ้านใหม่ ประเพณีเกี้ยวสาว และแต่งงาน หรือแม้กระทั่งประเพณีงานศพ เป็นต้น




งานวิจัยของ พีระชัย ลี้สมบูรณ์ผล (2550) รายงานการวิจัยเรื่อง ดนตรีของชาวกะเหรี่ยง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ศึกษาเกี่ยวกับองค์ประกอบของเพลงกะเหรี่ยง ความสัมพันธ์ระหว่างเพลงกะเหรี่ยงกับวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง และสภาพปัจจุบันของดนตรีกะเหรี่ยงในเขตอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งพบว่าชาวกะเหรี่ยงในเขตอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี มีเพลงที่เป็นเพลงพื้นบ้านของตัวเอง 4 ประเภท คือ เพลงกล่อมลูก เพลงเกี้ยว เพลงรำแคน และเพลงเกี่ยวกับงานศพ ซึ่งเพลงเหล่านี้มีลีลาของจังหวะและทำนองดำเนินไปอย่างเรียบง่าย สำหรับเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการขับร้องปัจจุบันใช้แคนเป็นเครื่องดนตรีหลัก เป่าคลอไปกับเสียงขับร้อง ทั้งนี้ดนตรีและเพลงกะเหรี่ยง จึงมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิต เรียบง่ายตามแบบของชาวชนบทประกอบอาชีพทางการเกษตรป็นอาชีพหลัก ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม ศิลปะการแสดงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่ปัจจุบันนี้ สภาพสังคมได้เปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย เป็นผลให้ชาวกะเหรี่ยงได้รับเอาความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เข้ามาในวิถีชีวิต ให้ความสนใจต่อสิ่งใหม่ๆ ตามสภาพความเป็นอยู่แบบสังคมเมือง

บทความของ วนิดา ตรีสวัสดิ์ (2551) เรื่อง วัฒนธรรมกะเหรี่ยง : การสื่อสารผ่านบทเพลง ศึกษาเกี่ยวกับ เรื่องเพลงกะเหรี่ยงของชาวสวนผึ้ง ซึ่งเป็นการบอกเล่าวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงที่สะท้อนผ่านบทเพลงและสืบต่อๆ กันมา โดยจากการบอกเล่าของคุณลุงปุ๊ บุญกร  และคุณลุงบุญธรรม คุ้งลึง ผู้สืบทอดวัฒนธรรมกะเหรี่ยงชาวตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี บอกเล่าเรื่องราวของเพลงกะเหรี่ยงที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงไว้หลายแง่มุม ทั้งการใช้เพลงกะเหรี่ยงในงานเทศกาลต่างๆ พิธีกรรม เช่น เพลงรำแคน เพลงในงานศพ เป็นต้น เพลงกะเหรี่ยงยังสื่อสารให้ผู้ฟังได้ทราบเรื่องราวทางวัฒนธรรมด้านต่างๆ ของชาวกะเหรี่ยง เช่น เรื่องราวของการแต่งกาย เป็นต้น และเพลงกะเหรี่ยงยังมีเนื้อหากล่าวถึงการทำมาหากินไว้หลายตอน เช่น ในเพลงผู้หญิงร้องเกี้ยวผู้ชายจะมีเนื้อร้องเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ รวมทั้งยังสะท้อนวิถีชีวิตในเรื่องของการกินหมากไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงเพลงที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆที่ชาวกะเหรี่ยงปฏิบัติสืบต่อกันมา ทั้งพิธีงานแต่งงาน และกล่าวถึงเพลงที่สะท้อนความเชื่อต่างๆของชาวกะเหรี่ยง เช่น ความเชื่อเรื่อเทวดา ความเชื่อเรื่องบาป-บุญ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงที่ปรากฏอยู่ในเพลงกะเหรี่ยง ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะชนเผ่า


สรุปด้านสังคม วัฒนธรรม และประเพณี การทบทวนวรรณกรรมด้านสังคม วัฒนธรรม และประเพณีของชาวกะเหรี่ยงนั้นพบว่า มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่อาจจะไม่เหมือนใคร ทั้งด้านสังคมที่ให้ผู้หญิงเป็นใหญ่ และวัฒนธรรมประเพณีก็มีรากฐานมาจาก ความเชื่อเรื่องภูติผีวิญญาณ ที่มีความเชื่อนี้กันมาแต่ดั้งเดิมสืบต่อกันมา ประเพณีของชาวกะเหรี่ยง อย่างเช่น ประเพณีปีใหม่ ประเพณีเกี้ยวสาว ประเพณีแต่งงาน เป็นต้น


4. ด้านศาสนาและความเชื่อ  
การทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ เรื่องชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542-2562 ที่ศึกษาด้านศาสนาและความเชื่อ นั้นผู้จัดทำได้สืบค้นข้อมูลมาแล้ว ได้ข้อมูลจากหนังสิอ 1 เล่ม และบทความ 2 บทความ ดังนี้

หนังสือของ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (2555) เรื่อง กะเหรี่ยง เป็นหนังสือที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับศาสนาและความเชื่อที่ชาวกะเหรี่ยงนับถือ ซึ่งเป็นความเชื่อเกี่ยวกับผี ขวัญ และวิญญาณของกะเหรี่ยง โดยความเชื่อพวกนี้ เป็นความเชื่อต่ออิทธิพลและอำนาจของวิญญาณและภูตผีที่มีทั้งดีและร้าย บันดาลให้เกิดความสุขหรือความทุกข์ ความร่มเย็นหรือความเดือดร้อน ความสมบูรณ์แข็งแรงหรือการเจ็บไข้ได้ป่วย ดังนั้น หมอผีหรือผู้ประกอบพิธีกรรมจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญยิ่งของหมู่บ้าน แต่ความสำคัญนี้จะจำกัดแวดวงอาณาเขตเฉพาะในแต่ละหมู่บ้านเท่านั้น และเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็ฆ่าหมูหรือไก่แล้วแต่กรณี ปกติทั่ว ๆ ไปมักจะเป็นไก่ หัวหน้าครัวเรือนที่ป่วยก็จะฆ่าไก่ เอาเลือดและขนส่วนหนึ่งบูชาผี เนื้อไก่นำไปแกงแล้วจึงเลี้ยงผี ข้อดีประการเดียวที่แฝงอยู่ก็คือ หลังจากการเลี้ยงผีแล้ว นั่นก็คืออาหารสำหรับทุกคนในครัวเรือน



บทความของ กิตติกุล ศิริเมืองมูลและเชาวลิต สัยเจริญ (2559) เรื่อง ความเชื่อกับการจัดระเบียบที่ว่างของเรือนกะเหรี่ยงในหมู่บ้านพระบาท ห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เป็นบทความที่มุ่งศึกษาในประเด็นความเชื่อกับการจัดระเบียบที่ว่างของเรือนกะเหรี่ยงในหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะเฉพาะเรือนพื้นถิ่นชาวกะเหรี่ยงพระบาทห้วยต้ม ศึกษาความเชื่อที่มีผลต่อรูปแบบการจัดระเบียบที่ว่างในระดับหมู่บ้านและเรือน ตลอดจนสามารถอภิปรายถึงการปรับเปลี่ยนของความเชื่อและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะท้อนออกมาในรูปแบบการจัดระเบียบที่ว่างของเรือนพื้นถิ่นชาวกะเหรี่ยงพระบาทห้วยต้ม ผลการวิจัยพบว่าเรือนกะเหรี่ยงแบบดั้งเดิมมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น โดยสะท้อนออกมาสู่รูปทรง ขนาด สัดส่วน พื้นที่ใช้สอยและวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง สิ่งเหล่านี้แฝงด้วยความเชื่อและภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวกะเหรี่ยง ส่วนความเชื่อที่มีผลต่อรูปแบบการจัดระเบียบที่ว่างในระดับหมู่บ้านคือ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาผู้เผยแผ่พุทธศาสนาให้ชาวกะเหรี่ยงจนพวกเขาเหล่านี้เลื่อมใสศรัทธาจนอพยพติดตามมาตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านเรือนด้วย การมีใจบ้านภายในหมู่บ้านเพื่อเป็นที่ประทับของผีเจ้าที่เจ้าทาง ปกป้องชาวบ้านให้อยู่รอดปลอดภัย รวมถึงความเชื่อและภูมิปัญญาดั้งเดิมที่มีความสำคัญกับพื้นที่หมู่บ้านคือ การสืบชะตาขุนห้วย การทำบุญป่า การเลี้ยงผีไร่-ผีนา ส่วนในระดับเรือนยังคงเหลือความเชื่อแบบดั้งเดิมอยู่คือ การทำบุญแม่เตาไฟ การลงเสาเอกบริเวณเกือบกึ่งกลางเรือน ความเชื่อที่มาจากพุทธศาสนาจะเห็นเด่นชัดทุกเรือนคือ การมีหิ้งพระภายในเรือน การหันหน้าเรือนไปทางวัด การหันหัวนอนไปทางทิศตะวันออก นอกจากนั้นกระแสความทันสมัยที่ได้เข้ามาภายในหมู่บ้านเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อกับรูปแบบตัวเรือน พื้นที่ใช้สอยภายในเรือนเกิดการเปลี่ยนแปลง

บทความของ พระญาณพล กิตฺติปญฺโญ (2560) เรื่อง  ศึกษาวิเคราะห์พิธีกรรมการผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอ ตามแนวพุทธจริยศาสตร์.วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา เป็นบทความที่ศึกษาวิเคราะห์พิธีกรรมการผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอตามแนวพุทธจริยศาสตร์" มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ (1) เพื่อศึกษาพุทธจริยศาสตร์ในพระไตรปิฎก (2) เพื่อศึกษาพิธีกรรมการผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอ (3) เพื่อวิเคราะห์พิธีกรรมการผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอตามแนวพุทธจริยศาสตร์ ผลการศึกษาพบว่า พุทธจริยศาสตร์เป็นหลักการดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระพุทธศาสนาโดยใช้ในการตัดสินและแก้ปัญหา ซึ่งวางอยู่บนกรอบความถูกต้องของศีลธรรมในพระพุทธศาสนาโดยปรากฏในพระไตรปิฎกอยู่ 2 ประการ  1.) สัจธรรม คือ ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ 2.) ศีลธรรม คือ ข้อที่มีลักษณะเป็นการชักชวนให้กระทำหรืองดเว้นไม่กระทำบางอย่าง มีเกณฑ์ในการตัดสินอยู่ 2 ประการ คือ 1.) ทุจริต 3  2.) สุจริต 3 และคำนึงถึงเจตนาอีกด้วย พิธีกรรมการผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอเป็นพิธีกรรมที่ยึดถือปฏิบัติสืบตามกันมาเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน ซึ่งมีความเชื่อเรื่องขวัญว่า เมื่อขวัญตกหล่นหรือหนีหายไปจากตัว เป็นเหตุให้เจ็บไข้ได้ป่วย จึงต้องมีการผูกข้อมือเพื่อล่อขวัญหรือเรียกขวัญให้กลับมา โดยทุกๆปี จะผูกข้อมืออยู่ 2 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนสิงหาคม ทั้งนี้เพื่อความสุขทางกายและทางใจ พิธีกรรมการผูกข้อมือตามแนวพุทธจริยศาสตร์ พบว่า การผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอนั้นไม่เป็นไปตามพุทธจริยศาสตร์ในส่วนของกายทุจริต คือ มีการฆ่าสัตว์ในการประกอบพิธีกรรม ส่วนวจีทุจริต ปฏิบัติได้โดยประกอบวจีสุจริต และมโนทุจริตปฏิบัติได้โดยประกอบมโนสุจริต และการผูกข้อมือนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่น
            
สรุปด้านศาสนาและความเชื่อ ชาวกะเหรี่ยงมีความเชื่อเกี่ยวกับภูติผีเป็นอย่างมาก เพราะวิถีชีวิตอาศัยอยู่กับป่า กับเขามาตั้งแต่เดิม ทำให้ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติมีมาตั้งแต่ดั้งเดิมสืบต่อๆกันมา ซึ่งเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ชาวกะเหรี่ยงมีการเข้าหาสังคมมากขึ้นทำให้ความคิดความเชื่อเรื่องเปลี่ยนแปลงไป นับถือศาสนาแทน ทั้งศาสนาคริสต์และศาสนาพุทธ แต่ก็ยังคงมีผู้คนที่นับถือภูติผีเช่นเดิมอยู่


จบไปแล้วนะคะสำหรับการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542 - 2562 (ตอนที่ 2) เหลือตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งจำนำเสนอเกี่ยวกับด้านสื่อวิดีทัศน์ ขอให้ทุกคนติดตามต่อไปด้วยนะคะ 💗


อ้างอิงที่มา

-         กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ.(2555).กะเหรี่ยง.สำนักงานกิจกรรมโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

-         -  บุหลัน รันตี.(2553).กะเหรี่ยง ผู้พิทักษ์หัวเมืองตะวันตก.สำนักพิมพ์บ้านหนังสือ.

-          - สมัย สุทธิธรรม.(2542).สารคดีชีวิตของชนกลุ่มน้อยบนดอยสูง กะเหรี่ยง.บริษัท เลิฟแอนด์ลิพเพรส จำกัด.

-          - กิตติกุล ศิริเมืองมูล,เชาวลิต สัยเจริญ.ความเชื่อกับการจัดระเบียบที่ว่างของเรือนกะเหรี่ยงในหมู่บ้านพระบาท ห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ,3(2559) : 113-142.

-         - พระญาณพล กิตฺติปญฺโญ.(2560,มกราคม-มิถุนายน).ศึกษาวิเคราะห์พิธีกรรมการผูกข้อมือของกะเหรี่ยงสะกอ ตามแนวพุทธจริยศาสตร์.วารสารพุทธศาสตร์ศึกษา,8(1),หน้า 26-38.

-          - วนิดา ตรีสวัสดิ์.วัฒนธรรมกะเหรี่ยง : การสื่อสารผ่านบทเพลง.วารสารศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นราชบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ,3(2551) : 48-59.

-         -  พีระชัย ลี้สมบูรณ์ผล.(2550).รายงานการวิจัยเรื่องดนตรีของชาวกะเหรี่ยง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี.คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระวัชรปาณีโพธิสัตว์ แห่งพุทธมหายาน

ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับ ชาติพันธุ์กะเหรี่ยง เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2542 - 2562 (ตอนที่ 1)

ว่ายน้ำกับฉลามวาฬ มิติใหม่ที่เมืองDonsol